วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ธูปหอมไล่ยุง


โครงงาน
เรื่อง  ธูปหอมไล่ยุง
จัดทำโดย
นาย สุทัศน์   รักษา     เลขที่5
นางสาว ณัชวดี   ทองลอย   เลขที่12
นางสาว สมฤดี   ด้วงประโคน    เลขที่26
นางสาว  อรัญญา   รักษา   เลขที่36
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4/2
เสนอ
. รัตตนัตยา    จันทนสาโร
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเคมี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 (สพม.32)
ปีการศึกษา  2558  ภาคเรียนที่  2
โรงเรียนภัทรบพิตร


คณะผู้จัดทำ
  1.นาย สุทัศน์   รักษา     เลขที่5
  2.นางสาว ณัชวดี   ทองลอย   เลขที่12
  3.นางสาว สมฤดี   ด้วงประโคน    เลขที่26
  4.นางสาว  อรัญญา   รักษา   เลขที่36




บทคัดย่อ
      เนื่องจากในยุคปัจจุบันนี้ยากันยุงที่ทำมาจากสารเคมีนั้นมีประโยชน์ที่ทำให้ยุงนั้นตายแต่ก็มีข้อเสียสำหรับมนุษย์ซึ่งสารเคมีนั้นอาจเข้าไปทำลายระบบประสาทในร่างกายหากเราสูดดมเข้าไปมากๆดังนั้นทางผู้จัดทำจึงได้คิดค้นที่จะทำธูปไล่ยุงจากเปลือกส้มซึ่งเป็นส่วนผสมของธรรมชาติไร้สารเคมีทั้งไม่มีโทษกับร่างกายและยังราคาไม่แพงด้วย




กิตติกรรมประกาศ
        โครงงานเรื่องธูปหอมไล่ยุง.สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาของอาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ได้แก่ อาจารย์รัตตนัตยา    จันทนสาโรและอาจารย์ในแผนกวิชาเคมีที่ได้ให้คำปรึกษา แนะนำ ชี้แนะในการศึกษาค้นคว้า แนะนำขั้นตอนและวิธีจัดทำโครงงานจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี คณะผู้จัดทำจึงขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้
        ขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่ส้มเกลี้ยง  ไชยศรีรัมย์  ให้ความอนุเคราะห์ด้านสถานที่ และอุปกรณ์ตลอดจนได้ให้คำปรึกษาแนะนำการจัดทำโครงงานจนประสบผลสำเร็จ
                                                                                                                             คณะผู้จัดทำ



สารบัญ
เรื่อง                                                                                                                        หน้า
บทที่ 1
          ที่มาและความสำคัญ                                                                                                     1
บทที่ 2
          เอกสารที่เกี่ยวข้อง                                                                                                        4
บทที่ 3
         วิธีการดำเนินการ                                                                                                         14
บทที่ 4
         ผลจากการศึกษาทดลอง                                                                                              15
บทที่ 5
         สรุป  อภิปรายผล                                                                                                        17
บรรณานุกรม                                                                                                                       18






บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
โครงงานนี้จัดทำขึ้นเนื่องจากผู้จัดทำได้เกิดความสงสัยเกี่ยวกับวิธีไล่ยุงที่บ้านของ นางสาวสมฤดี ว่าเมื่อทานส้มแล้ว  คุณแม่จะชอบเก็บเปลือกส้มไว้แล้วนำไปตากแดดเมื่อเปลือกส้มแห้ง คุณแม่ก็จะนำมาเผาไล่ยุง  เมื่อสอบถามคุณแม่ ได้รับคำตอบว่าสามารถไล่ยุงได้เพราะยุงเหม็นกลิ่นฉุนของเปลือกส้ม  ผู้จัดทำจึงคิดกันว่ายุงอาจเหม็นกลิ่นฉุนของส้มจริงๆ จึงบินหนีไป  ผู้จัดทำจึงคิดว่าถ้าใช้วัสดุที่มีกลิ่นฉุนจะสามารถไล่ยุงได้
ยุงเป็นพาหะนำโรคหลายโรคมาสู่คนและยังสร้างความรำคาญให้แก่คนอีกด้วย และวิธีที่ป้องกันยุงได้ที่เห็นใช้กันทั่วไปก็โดยการใช้สารเคมีแบบหัวฉีดที่ขายทั่วไปในท้องตลาดที่มีหลายยี่ห้อที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี แต่สารเคมีเหล่านี้สามารถฆ่ายุงให้ตายแต่ถ้ามีการตกค้างก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ได้
ดังนั้นผู้จัดทำจึงสนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับการใช้กลิ่นไล่ยุงและเพื่อให้สะดวกในการใช้งาน ผู้จัดทำได้ปรึกษาครูที่ปรึกษา ครูจึงแนะนำให้ทำเป็นธูป ซึ่งมีขั้นตอนในการทำง่าย เราจึงตั้งชื่อโครงงานของเราว่า ธูปไล่ยุง
กลิ่นของธูปที่ผู้จัดทำใช้มีอยู่  3   กลิ่นซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่นฉุนที่จะสามารถไล่ยุงได้ และเปรียบเทียบว่ากลิ่นใดไล่ยุงได้ดีที่สุด ซึ่งมีดังนี้
1. กลิ่นของเปลือกส้ม    เปลือกส้มมีกลิ่นฉุนและฤดูนี้มีส้มมาก
2. กลิ่นของมะกรูด          ใบมะกรูดมีกลิ่นฉุนและหาง่าย
วัตถุประสงค์การทดลอง
           -   เพื่อศึกษาว่ากลิ่นของส้ม มะกรูด ตะไคร้ สามารถไล่ยุงได้
          -   เพื่อศึกษาว่ากลิ่นใดสามารถไล่ยุงได้ดีที่สุด

สมมุติฐานการทดลอง
          -   กลิ่นของเปลือกส้มสามารถไล่ยุงได้ดีที่สุด

ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง
            ตัวแปรต้น                   ชนิดของกลิ่น (กลิ่นส้ม , กลิ่นมะกรูด,กลิ่นตะไคร้)
            ตัวแปรตาม                  การหนีของยุง
            ตัวแปรควบคุม             อัตราส่วนของส่วนผสมในการทำธูป



ขอบเขตของโครงงาน
1.   กลิ่นที่นำมาใช้มี 3 กลิ่นคือ
1. เปลือกส้ม               
2. ใบมะกรูด 
3. ตะไคร้                
2.         สถานที่ที่นำธูปไปทดลองคือบริเวณที่มียุงมากที่สุด
-บ้านของผู้จัดทำทั้ง 4 คน
ห้องน้ำบ้าน นางสาวสมฤดี


ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.         รู้ว่าธูปกลิ่นใดสามารถไล่ยุงได้ดีที่สุด
2.         สามารถนำไปใช่ในชีวิตประจำวันได้
3.         ได้รู้จักการทำงานเป็นกลุ่ม
4.         ได้ฝึกวิธีการ กระบวนการทดลองทางวิทยาศาสตร์
5.         ได้ธูปไล่ยุงที่ไม่มีอันตรายต่อผู้ใช้













บทที่  2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
           “ ยุง มีหลายชนิด  บางชนิดเป็นตัวนำเชื้อโรคร้ายมาสู่เรา เช่น  ยุงลายนำโรคไข้เลือดออกซึ่งออกหากินในตอนกลางวัน  ยุงก้นปล่องนำเชื้อไข้มาลาเรีย  ยุงดำนำเชื้อโรคเท้าช้าง  ยุงบางชนิดก็นำเชื้อไข้เหลือง   ซึ่งยุงเหล่านี้จะมีช่วงเวลาในการออกหากิน  แต่ยุงที่มาตอม แล้วส่งเสียงดังที่ข้างหูและดูดเลือดเราให้คันนั้นเรียกว่า  ยุงรำคาญ
ยุง   เป็นแมลงชนิดหนึ่ง  เฉพาะตัวเมียเท่านั้นที่ดูดกินเลือดเป็นอาหาร  เพราะถ้าไม่ได้เลือดก็ไม่สามารถสืบพันธุ์วางไข่แพร่ลูกหลานได้  ยุงตัวผู้ไม่กินเลือด  แต่จะกินน้ำหวานดอกไม้  ต้นไม้หรือขนมหวาน
ธรรมชาติของยุงรำคาญนั้นไม่ชอบแสงสว่าง  โดยเฉพาะแสงสีเหลืองก็จะไล่ยุงชนิดนี้ให้หนีไปได้  ดังนั้นเพียงแต่เราเปิดไฟสีเหลืองไว้  ก็จะขับยุงชนิดนี้ให้หนีไปได้(แต่ยุงชนิดอื่นไม่กลัวแสงสีเหลือง) ยุงรำคาญยังเกลียดกลิ่นฉุนของการบูร กลิ่นฉุนของส้ม

การป้องกันไม่ให้ยุงกัด 
1.         โดยใช้สารไล่แมลง หรือสารป้องกันแมลง (Repellents) ซึ่งผลิตจากสารธรรมชาติ เช่น ตะไคร้หอม  ไพล  ขมิ้นชัน  มะกรูด  ยูคาลิปตัส  ฯลฯ
2.         การใช้สารเคมีชนิดกระป๋องแบบหัวฉีด เนื่องจากเป็นวัตถุมีพิษ จึงควรใช้ความระมัดระวังก่อนใช้ ควรอ่านฉลากให้เข้าใจและทำตามคำแนะนำ โดยเฉพาะห้ามฉีดพ่นในขณะที่มีเด็กหรือผู้ป่วยอยู่ในบริเวณนั้นหรือใกล้เคียง การใช้จำเป็นต้องมีการปิดห้องให้มิดชิดหลังจากการพ่นโดยปิดห้องทิ้งไว้ 15-20 นาที เมื่อมีอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับการใช้ หรือรู้สึกไม่สบายให้หยุดฉีดพ่นแล้วควรรีบไปพบแพทย์พร้อมนำกระป๋องสารเคมีนั้นไปด้วย

ส้ม
    "ส้ม" เปลี่ยนทางมาที่นี่ บทความนี้เกี่ยวกับผลไม้ สำหรับความหมายอื่น ดูที่ ส้ม (แก้ความกำกวม)
ส้ม เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กหลายชนิด เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ สกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีด้วยกันนับร้อยชนิด เติบโตกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมากจะมีน้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และผล และมีกลิ่นฉุน หากนำใบขึ้นส่องกับแสงแดด จะเห็นจุดเล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่งจุดเหล่านั้นก็คือแหล่งน้ำมันนั่นเอง ส้มหลายชนิดรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวหรือหวาน มักจะมีแคลเซียม โปแทสเซียม ไวตามินเอ และไวตามินซี มากเป็นพิเศษ ถ้าผลไม้จำพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคำ ส้ม ออก เช่น ส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด
อนุกรมวิธานของส้มนั้น มีความยุ่งยากและสับสนมาช้านาน และเป็นที่ถกเถียงในการจำแนกและตั้งชื่อชนิด (สปีชีส์) ของส้มอยู่เสมอ และการจำแนกกลุ่มยังขึ้นกับนักอนุกรมวิธานด้วย เช่น
 สวิงเกิล (Swingle) จำแนกได้ 16 ชนิดทานาคา (Tanaka)จำแนกได้ 162 ชนิด
และฮอจสัน (Hodgson) จำแนก 36 ชนิด ขณะที่บางท่านเสนอว่าส้มทั้งหลายจัดเป็นพืชชนิดเดียวกัน ที่สามารถผสมพันธุ์ระหว่างกันได้ ขณะเดียวกัน การจำแนกอย่างละเอียดของทานาคา ก็สร้างความสำเร็จได้ เนื่องจากพบในภายหลังว่า บางชนิดเป็นเพียงการผสมข้ามสายพันธุ์เท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกหากเราจะพบชื่อวิทยาศาสตร์ของส้มหลายชนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อความแน่นอน จึงมักจะระบุถึงนักอนุกรมวิธานผู้จำแนกเอาไว้ด้วยพืชตระกูลส้ม
ปัจจุบันนี้ มีการใช้เทคนิคในการระบุเอกลักษณ์ด้วยดีเอ็นเอ (DNA) และมีการเสนอว่าอาจจะมีชนิดพื้นฐานของส้มอย่างกว้างๆ 4 ชนิด ด้วยกัน คือ
·         C. halimii - พบทางภาคใต้ของไทย และตะวันตกของมาเลเซีย อาจเป็นชนิดต้นกำเนิดของส้ม Poncirus และ Fortunella
·         C. medica - ส้มโอมือ หรือส้มมือ อาจเป็นต้นกำเนิดของมะนาว หรือเลมอน (lemon)
·         C. reticulata - อาจเป็นต้นกำเนิดของส้มจำพวกส้มเขียวหวานทั้งหลาย


มะกรูด
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
การใช้ประโยชน์
มะกรูดหวาน
มะกรูด (อังกฤษ: Kaffir lime) เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากในประเทศไทยและลาวแล้ว ยังมีความนิยมในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย (โดยเฉพาะบาหลี)
เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซนติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า hesperitium (ผลแบบส้ม) ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก 3 – 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอม มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมากๆ
การใช้มะกรูดสระผมน่าจะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ วิธีการสระ บ้างก็ใช้ผลดิบผ่าแล้วบีบน้ำสระโดยตรง บ้างก็นำไปเผา หรือต้มก่อนสระ มะกรูดยังมีใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ในพระราชพิธีสิบสองเดือนไว้ ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อยประกอบในพิธีด้วย เข้าใจว่าน่าจะใช้เพื่อการสระผมนั่นเอง และก็สามารถนำไปล้างพื้นได้ด้วย ซึ่งเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งเช่นกัน
น้ำมะกรูดมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุนคล้ายใบ แต่ใช้น้อยกว่าน้ำมะนาว ใช้ปรุงรสเปรี้ยวแทนมะนาวได้ เช่นในปลาร้าหลน น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกมะกรูด มะกรูดมีส่วนเปลือกที่หนา ส่วนเปลือกนิยมนำผิวมาประกอบอาหารบางชนิดด้วย ในมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก ใบมะกรูดนั้นใส่ในต้มยำทุกชนิด น้ำยาขนมจีน ยำหอย ใส่ในแกงเช่น แกงเผ็ด แกงเทโพ แต่ถ้าใส่มากเกินไปจะมีรสขมมีกลิ่นฉุน ทั้งในใบ และผล บางครั้งสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ผลมะกรูดผ่าซีกที่บีบน้ำออกแล้ว ใช้เป็นยาดับกลิ่นในห้องสุขาได้
มะกรูดหวาน (อังกฤษ: Sweet kaffir lime) เป็นมะกรูดสายพันธุ์หนึ่ง ใบนิ่ม ผิวใบเรียบ ผลใหญ่กว่ามะกรูดเปรี้ยว ผลมีรสหวาน ใช้รับประทานเป็นผลไม้ ไม่นิยมใช้ปรุงอาหาร เป็นผลไม้ท้องถิ่นในจังหวัดสมุทรสงคราม

ประโยชน์ของมะกรูด
ประโยชน์ของมะกรูดมะกรูดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรค
ประโยชน์ของมะกรูดช่วยทำให้เจริญอาหาร
น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดมีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายความเครียด คลายความกังวล ทำให้จิตใจสงบนิ่ง ด้วยการสูดดมผิวมะกรูดหรือน้ำมันมะกรูดจะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่การใช้ไม่ควรจะใช้ความเข้มข้นมากกว่า 1% เพราะอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อย ในปริมาณเท่ากัน นำมาบดเป็นผง นำมาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม
สรรพคุณมะกรูดใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล)
ช่วยแก้ลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ ด้วยการใช้เปลือกมะกรูดฝานบางๆ ชงกับน้ำเดือดใส่การบูรเล็กน้อย แล้วนำมารับประทานแก้อาการ (เปลือกผล)
ช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ ด้วยการใช้ผลมะกรูดนำมาผ่าซึกเติมเกลือ นำไปลนไฟให้เปลือกนิ่ม แล้วบีบน้ำมะกรูดลงในคอทีละน้อยๆ จะช่วยแก้อาการไอได้ สูตรนี้ก็สามารถใช้เป็นยาขับเสมหะได้ด้วยเช่นกัน
สรรพคุณของใบมะกรูดสามารถใช้แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้ช้ำในได้อีกด้วย
ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งประมาณ 1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยฟอกโลหิตได้เป็นอย่างดี
ใบมะกรูดสรรพคุณช่วยยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านมะเร็งได้ เนื่องจากใบมะกรูดนั้นอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน
สรรพคุณของมะกรูดช่วยแก้เสมหะเป็นพิษ ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล,ราก)
น้ำมะกรูดใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟันได้ โดยหลังแปลงฟันเสร็จให้ใช้น้ำมะกรูดถูบางๆ บริเวณเหงือก
ใช้ปรุงเป็นยาช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุกเสียด ท้องอืด แน่นท้อง ด้วยการใช้ผิวมะกรูดสดฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 ช้อนแกง เติมการบูรหรือพิมเสน 1 หยิบมือ ชงด้วยน้ำเดือด แช่ทิ้งไว้ แล้วนำน้ำที่ได้มาดื่ม 1-2 ครั้ง (เปลือกผล)
ช่วยแก้อาการปวดท้อง หรือใช้เป็นยาแก้ปวดท้องในเด็กอ่อน หรือการนำผลมะกรูดมาคว้านไส้กลางออก นำมหาหิงส์ใส่และปิดจุก แล้วนำไปเผาไฟจนดำเกรียมและบดจนเป็นผงละลายกับน้ำผึ้งไว้รับประทานแก้อาการปวดได้ หรือจะนำมาป้ายลิ้นเด็กอ่อน ใช้เป็นยาขับขี้เทาก็ได้เช่นกัน
ช่วยขับระดู ขับลม ด้วยการใช้ผลมะกรูดนำมาดองทำเป็นยาดองเปรี้ยวไว้รับประทานแก้อาการ
สรรพคุณมะกรูดช่วยกระทุ้งพิษ ช่วยรักษาฝีภายใน (ราก)
มะกรูด สรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ได้เป็นอย่างดี
น้ำมันมะกรูดมีฤทธิ์อ่อนๆ ช่วยยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อได้
ใช้สระผมเพื่อทำความสะอาด ทำให้ผมดกเงางาม ป้องกันผมหงอก แก้ปัญหาผมร่วง ความเปรี้ยวของน้ำมะกรูดยังมีฤทธิ์เป็นกรดช่วยขจัดคราบแชมพู หรือชำระล้างสิ่งอุดตันต่างๆ ตามรูขุมขนบนหนังศีรษะ แล้วยังทำให้ผมหวีง่ายอีกด้วย ด้วยการผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จ ให้เอามะกรูดสระผมซ้ำ ด้วยการใช้มะกรูดยีให้ทั่วบนผม แล้วล้างออก จะช่วยทำความสะอาดผมได้
ช่วยล้างสารเคมีในเส้นผม เนื่องจากในแต่ละวันเราต้องโดนทั้งฝุ่นระออง แสงแดด ยาสระผม ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้ผมแห้งกรอบได้ แม้จะใช้ครีมนวดผมหรือทรีทเม้นท์บำรุงและซ่อมแซมผมก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังส่วนผสมของสารเคมีอยู่ สำหรับวิธีการปกป้องเส้นผมและล้างสารเคมีก็ง่ายเพียงแค่ใช้น้ำมะกรูดมาชโลมบนผมที่เปียกชุ่ม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วล้างซ้ำอีกรอบด้วยน้ำเย็นจะทำให้ผมเงางามและมีน้ำหนักขึ้น และยังช่วยถนอมเส้นผมและบำรุงเส้นผมไปในตัวอีกด้วย
ใช้รักษารังแคและชันนะตุ ด้วยการนำมะกรูดมาเผาไฟ นำมาผ่าเป็นซีกแล้วใช้สระผม จะช่วยรักษาอาชันนะตุได้
ใช้ผสมเป็นน้ำอาบเพื่อทำความสะอาด ช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง ด้วยการนำมะกรูดมาผ่าซึกลงในหม้อต้มเป็นน้ำอาบ
มีอาหารบางชนิดที่นิยมใช้น้ำมะกรูดเป็นส่วนผสม
ประโยชน์ของใบมะกรูด เนื่องจากน้ำมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มีกลิ่นฉุน สามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ เช่น มอดและมดในข้าวสาร ด้วยการใช้ใบมะกรูดสดๆ ประมาณ 4-5 ใบต่อข้าว 1 ถัง แล้วฉีกใบเป็น 2 ส่วน ให้กลิ่นออก แล้วใส่ลงในถังข้าวสาร เมื่อใบมะกรูดแห้งแล้วก็ให้เปลี่ยนใบใหม่ เพียงแค่นี้ก็จะไม่มีแมลงมอดมากวนใจท่านแล้วครับ
มะกรูดสามารถใช้ในการไล่ยุงและกำจัดลูกน้ำได้ เมื่อทานหรือคั้นเอาน้ำแล้วก็อย่าทิ้งเปลือก ให้นำเปลือกมาตากแห้งและเผาไฟจะช่วยไล่ยุงได้ดีนัก (เปลือกผล)
ในปัจจุบันมีการผลิตน้ำมันหอมระเหยในรูปแบบแคปซูลเพื่อใช้ไล่แมลงและหนอนสำหรับเกษตรกร ด้วยการใช้โปรยไว้ใต้ต้นไม้ที่ต้องการไล่แมลง แคปซูลก็จะค่อยๆปล่อยน้ำมันออกมา แถมยังไม่มีอันตรายอีกด้วย
น้ำมันจากใบมะกรูดมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิด เช่น ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยของราพวกมูเคอร์ แอสเปอร์จิลลัส อัลเทอร์นาเรีย และกระตุ้นการสร้างสปอร์ของแอสเปอร์จิลลัส
ประโยชน์ใบมะกรูด ใบมะกรูดและน้ำมะกรูดสามารถใช้ดับกลิ่นคาวในอาหารได้
ใช้ในการประกอบอาหารและแต่งกลิ่นคาวหวานของอาหาร เช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ ห่อหมก ทอดมัน โรยหน้าข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ฯลฯ
น้ำมะกรูดสามารถใช้แทนน้ำมะนาว หรือใช้ร่วมกับมะนาวได้ จะได้รสเปรี้ยวและความหอมของน้ำมันหอมระเหยที่ผิวมะกรูดเพิ่มขึ้นไปด้วย
มะกรูดยังใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อยในการประกอบพิธี
ยาฟอกเลือกสตรี ขับระดู ยาบำรุงประจำเดือน หรือยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย มักจะมีมะกรูดอยู่ในตำรับยาเสมอ
มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางบางชนิด อย่างเช่น สบู่ แชมพูมะกรูด หรือ ยาสระผมมะกรูด ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลง เป็นต้น
หากถูกปลิงกัด ไม่ควรดึงออก เพราะจะทำให้แผลฉีกขาดและเลือดจะไหลไม่หยุด แต่วิธีที่ควรทำในเบื้องต้นให้ใช้น้ำมะกรูดมาราดใส่ตรงที่ถูกปลิงเกาะ ก็จะทำให้ปลิงหลุดออกมาเอง
มะกรูดมะกรูดประโยชน์ช่วยแก้ปัญหากลิ่นเท้าเหม็น มีกลิ่นอับเชื้อรา ด้วยสูตรมะกรูด ขิง ข่า เกลือ อย่างละเท่าๆกัน นำมาต้มรอให้อุ่นสักนิดแล้วแช่เท้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก็จะช่วยลดกลิ่นอับแถมยังคลายความปวดเมื่อยได้อีกด้วย
ประโยชน์มะกรูดช่วยดูดกลิ่นในรองเท้าหรือตู้รองเท้า ด้วยการใช้ผิวมะกรูด ตะไคร้หอม ถ่านป่น และสารส้ม อย่างละ 1 ส่วน นำมาใส่ถุงที่ทำจากผ้าขาวบางหรือผ้าที่มีช่องระบายอากาศ แล้วนำไปใส่ไว้ในตู้รองเท้าหรือในรองเท้า จะช่วยดูดกลิ่นได้อย่างหมดจดเลยทีเดียว
ช่วยทำความสะอาดครบตามซอกเท้า เพื่อลดความหมกไหม้ด้วยการใช้ สับปะรด 2 ส่วน / สะระแหน่ 1/2 ส่วน / น้ำมะกรูด 1/2 ส่วน / เกลือ 2 ส่วน นำมาปั่นรวมกันแล้วนำไปขัดเท้า
การอบซาวนาสมุนไพร เพื่อขับสารพิษผ่านเหงื่อและรูขุมขน มักจะมีสมุนไพรที่ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ไพล ตะไคร้ พิมเสน การบูร และผิวมะกรูดผสมอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละตัวก็มีสรรพคุณในการช่วยขับสารพิษทั้งสิ้น
แหล่งอ้างอิง : เว็บไซต์ rspg.or.th, เว็บไซต์ learners.in.th , สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)













ตะไคร้
ชื่อสามัญ :                Lemon Grass, Lapine
ชื่อวิทยาศาสตร์ :      Cymbopogon citrates (DC. Ex Nees) Stapf.
วงศ์ :                        GRAMINAE
ชื่ออื่น ๆ :                  คาหอม (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน), จะไคร(เหนือ), เชิดเกรย, เหลอะเกรย (เขมร-สุรินทร์), ไคร(ใต้)
ลักษณะทั่วไป
ต้น :     เป็นพรรณไม้ล้มลุก จะขึ้นเป็นกอใหญ่ สูงประมาณ 1 เมตร ลักษณะของลำต้นเป็นรูป ทรงกระบอก แข็ง เกลี้ยง และตามปล้องมักมีไขปกคลุมอยู่ เป็นพรรณไม้ที่มีอายุหลายปี
ใบ :      ใบเดี่ยว แตกใบออกเป็นกอ รูปขอบขนาน ปลายใบแหลม และผิวใบจะสากมือทั้งสองด้าน เส้นกลางใบแข็ง ขอบใบจะมีขนขึ้นอยู่เล็กน้อย มีสีเขียวกว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 2-3 ฟุต
ดอก :    ออกเป็นช่อกระจาย ช่อดอกย่อยมีก้านออกเป็นคู่ ๆ ในแต่ละคู่จะมีใบประดับรองรับ
การขยายพันธุ์ :
เป็นไม้กลางแจ้ง ขยายพันธุ์ด้วยการแยกกอ หรือหัวออกมาปลูกเป็นต้นใหม่ ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น หัว ใบ ราก และต้น
สรรพคุณ :
ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคหืด แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะและแก้อหิวาตกโรค หรือทำเป็นยาทานวดก็ได้ และยังใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่นรักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร และขับเหงื่อ หัว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว บำรุงไฟธาตุ แก้อาการขัดเบา ถ้าใช้รวมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะเป็นยาแก้อาเจียน แก้ทราง ยานอนหลับลดความดันสูง แก้ลมอัมพาต แก้กษัยเส้น และแก้ลมใบ
ใบสด ๆ จะช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
ราก ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ ปวดท้องและท้องเสีย
ต้น ใช้เป็นยาแก้ขับลม แก้เบื่ออาหาร แก้ผมแตก แก้โรคทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เป็นยาบำรุงไฟธาตุให้เจริญแต่ถ้าเอาผสมกับสมุนไพรชนิดอื่น จะแก้โรคหนองใน และนอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวด้วย
ตำรับยา
มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด นำเอาตะไคร้ที่มีลำต้นแก่ และสด ๆ มา ประมาณ 1 กำมือ ทุบให้แหลกพอดีแล้วนำไปต้มน้ำดื่มหรืออีกวิธีหนึ่งเอาตะไคร้ทั้งต้นรากด้วยมาสัก 5 ต้นแล้วสับเป็นท่อนต้นกับเกลือ จากน้ำ 3 ส่วนให้เหลือเพียง 1 ส่วนแล้วทานสัก 3 วัน ๆละ 1 ถ้วยแก้วก็จะหาย













บทที่ 3
วิธีการดำเนินการ
วิธีการดำเนินการ
1.             นักเรียนนำเสนอหัวข้อโครงงานที่ตนเองสนใจต่อครู
2.             คณะผู้จัดทำช่วยกันคิด ตั้งสมมุติฐาน
3.             ศึกษาข้อมูลวิธีทำธูปจากหนังสือต่างๆ
4.             จัดหา เตรียมอุปกรณ์และลงมือทำธูป
5.             ทดลองนำธูปไปใช้ในการไล่ยุง
6.             บันทึกผลและสรุปผลการทดลอง
7.             สรุปและเขียนรายงานโครงงาน









บทที่ 4
ผลจากการศึกษาทดลอง
จากการที่ผู้จัดทำได้นำธูปไล่ยุงทั้ง 3 กลิ่นไปทดลองบริเวณที่มียุงมากที่สุด 
แห่ง ซึ่งได้ผลการทดลองดังนี้
ตารางที่1ตารางสรุปผลการทดลองจุดธูปบริเวณห้องน้ำครู
สถานที่ /กลิ่น
ผลของกลิ่นธูปที่มีผลต่อการไล่ยุง
ก่อนจุดธูป
หลังจุดธูป
ห้องน้ำที่  1
ธูปกลิ่นตะไคร้
มียุงเยอะมากบินเต็ม
ห้องน้ำ
ยังมียุงบินเหลืออยู่ประมาณ 5-6 ตัว
ห้องน้ำที่  2
ธูปกลิ่นมะกรูด
มียุงเยอะมากบินเต็ม
ห้องน้ำ
ไม่มีเยอะเหมือนตอนแรกเหลือประมาณ 1-2 ตัว
ห้องน้ำที่  3
ธูปกลิ่นส้ม
มียุงเยอะมากบินเต็ม
ห้องน้ำ
มียุงเยอะกว่าห้องที่ 1 ,2และเหลืออยู่ประมาณ 10 กว่าตัว






ตารางที่  2ตารางสรุปผลการทดลองการนำธูปไปใช้ที่บ้าน
ผู้สังเกต
ผลของกลิ่นธูปที่มีผลต่อการไล่ยุง
กลิ่นตะไคร้
กลิ่นใบมะกรูด
กลิ่นเปลือกส้ม
ก่อนจุดธูป
หลังจุดธูป
ก่อนจุดธูป
หลังจุดธูป
ก่อนจุดธูป
หลังจุดธูป
คนที่
1
ยุงพยายามจะบินเข้าบ้าน
ยุงที่จะพยามบินบินเข้าบ้านเมื่อถูกควันก็บินออกจากบ้านไป
ยุงพยายามจะบินเข้าบ้าน
อยู่ดีๆก็หายไปหมด หายมากกว่า การบูรและส้ม
ยุงบินวนเวียน
ยุงวนเวียนบางครั้งยุงที่เหลือมีมากกว่า การบูรและใบมะกรูด
คนที่
2
บินมาตอมและพยามจะกินเลือดมีประมาณ  10 ตัว
ยุงเหลือประมาณ5-6ตัว
มียุงเยอะมากเป็น  10กว่าตัว
ยุงไม่คอยมียุงเหลือประมาณ  2-3 ตัว
มียุงเยอะมากเป็น 11 กว่าตัว
ยุงยังคงเหลือประมาณ 10กว่าตัว
คนที่
3
มียุงจำนวนมากบริเวณหลังบ้านบินไปบินมา
มียุงบินเหลือประมาณ 4-5ตัว
มียุงจำนวนมากบินไปบินมา
เหลือยุงบินจำนวนน้อย น้อยกว่าการบูรและส้ม
มียุงเป็นจำนวนมาก
ยังมียุงบินไปมาประมาณ 8-9ตัว


บทที่ 5
สรุป  อภิปรายผล
อภิปรายผลการทดลอง
จากการทดลองจุดธูปทั้ง  3  กลิ่น  ปรากฏว่า
-                   กลิ่นใบมะกรูดจะทำให้ยุงบินหนีไปจากบริเวณที่จุดมากที่สุด
-                   กลิ่นตะไคร้ทำให้ยุงบินหนีไปบ้างจากบริเวณที่จุดและยังมียุงบางตัวเหลืออยู่
-                   กลิ่นส้มทำให้ยุงบินหนีไปจากบริเวณน้อยที่สุดและยังพบว่ามียุงบินอยู่มาก

สรุปผลการทดลอง
                1. กลิ่นของมะกรูด กลิ่นตะไคร้ กลิ่นส้มสามารถไล่ยุงให้หนีไปได้
2. ธูปกลิ่นมะกรูดทำให้ยุงบินหนีหรือไล่ยุงได้ดีมากที่สุด

ข้อเสนอแนะ
1. ควรใช้กลิ่นจากส่วนประกอบของพืชให้มีหลายชนิดขึ้น
                2. ควรใช้อัตราส่วนผสมของส่วนประกอบต่างๆในอัตราส่วนที่หลากหลายขึ้น
                3. อาจจะทำในรูปแบบอื่นๆบ้าง เช่น ทำเป็นขดยากันยุง หรือแผ่นไล่ยุง






บรรณานุกรม

.สมศักดิ์    สินธุระเวชญ์. หนังสือเรียน ส.ป.ช. กรุงเทพฯ:ไทยวัฒนาพานิช,2544
 www.a4s-thai.com/mcontents/marticle.php   ยุง ,ริ้น